1.ระบบสี RGB
ระบบสี RGB เป็นระบบสีของแสง เกิดจากการหักเหของแสงกลายเป็นสีรุ้ง ด้วยกัน 7 สี ซึ่งเป็นช่วงแสงที่ตาของคนเราสามารถมองเห็นได้
** แสงสีม่วงจะมีความถี่สูงสุดเรียกว่า อุนตร้าไวโอแรต **
**แสงสีแดงจะมีความถี่ต่ำสุด เรียกว่าอินฟาเรต**
แม่สีของแสงมีด้วยกัน 3 สี นั้นก็คือ สีแดง(R) ,สีเขียว(G),สีน้ำเงิน(B) และแต่ละแม่สีเมื่อรวมกันก็จะได้สีดังนี้
สีแดง+สีเขียว ได้ สีเหลืองYellow
สีเขียว+น้ำเงิน ได้ สีฟ้าCyan
สีแดง+สีน้ำเงิน ได้ สีแดงอมชมพู่Magenta
** ถ้ารวมสีของแสงทั้งหมดก็จะได้ “ สีขาว“
การมองเห็นของคนเรานั้นเกิดจากคลื่นแสงทีเกิดขึ้นในแหล่งแสงต่างๆวิ่งไปกระทบผิว และพื้นผิวอาจจะดูดรับบางคลื่นแล้วสะท้อนกลับมา กลายเป็นสีที่ตาเรามองเห็น
ระบบสี RGB ในการแสดงผลออกมา เป็นรูปแบบการรับแสะแสดงผลด้วยแสงทีเป็นแม่สีได้แก่ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น จอภาพ,สแกนเนอร์,กล้องดิจิดอลหรือดวงตาคนเราล้วนแต่รับและแปลผลเป็นสีต่างๆด้วยแสงเหล่านี้
เมื่อนำแม่สีของแสงทั้ง3มาผสมกันปริมาณแสงสว่างเท่ากันก็จะได้เป็นแสงที่สีขาว แต่ถ้าผสมกันระหว่างแสงระดับความสว่างต่างกัน ก็จะได้ผลทีเป็นแสงสีๆมากมายเป็นล้านสีที่เดียว
ในระบบสี RGB ไม่ได้หมายถึงสีใดสีหนึ่ง แต่เป็นการรวมกันของแม่สีทั้ง3 ซึ่ง อธิบายถึงหลักของสี RGB โดยเป็นพื้นฐานของการนำเอาสี RGB ไปใช้ในระบบของสี sRGB หรือ Adobe RGB
2. ฟิลเตอร์กับการถ่ายภาพ
ฟิลเตอร์คือแผ่นกรองแสง นำมาใช้ในการถ่ายภาพ ใช้สำหรับปรับสีให้ถูกต้องหรือผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง หรือนำมาใช้ปรับโทนในการถ่ายภาพขาวดำ มีด้วยกันหลายสีหลายลักษณะแล้วแต่จะนำไปใช้งาน
ในภาพที่เป็นขาวดำจะมีการไล่ระดับของโทนต่างๆว่าสีไหนอยู่โทนไหน โดยจะมีการไล่ระดับจากดำไปถึงเทาและขาว ก็จะได้ภาพขาวดำที่เรามองเห็น เมื่อเราถ่ายภาพขาวดำหรือถ่ายภาพสีแล้วแปลงเป็นภาพขาวดำก็จะได้ภาพตามโทนต่างๆความเข็ม ความสว่างในภาพของเรา
แต่บางครั้งโทนในภาพขาวดำอาจจะใกล้เคียงกัน แม้ในภาพสีอาจจะดูสวย สมมุติเราถ่ายสีเขียวใบไม้กับสีแดงของเสื้อแบบที่เราถ่ายเมื่อเป็นภาพขาวดำ อาจจะทำให้ภาพกลมกลืนกันได้ เราก็จะมีการปรับโทน เพิ่มคอนทราสหรือความเปรียบต่างในภาพด้วยการใส่ฟิลเตอร์ จากพื้นฐานการดูดซับคลื่นหรือการใช้ปิดกลั้นคลื่นจากที่เราเรียกรู้กันมา
ช่างภาพจะใช้ฟิลเตอร์ปรับสีในภาพโดยใช้หลักการคัดแยกแสงให้เหลือเฉพาะที่ต้องการ เมื่อใส่ฟิลเตอร์สีถ่ายภาพทำให้แสงจะมีเฉพาะคลื่นความยาวที่ต้องการ โดยคลื่นแสงอื่นจะถูกตัดไป เช่น เมื่อเราใช้ฟิลเตอร์สีแดง แสงที่ตกลงในภาพจะมีช่องความยาวสีแดง เท่านั้น
ตัวอย่างภาพใส่ฟิลเตอร์สีแดงทำให้ภาพฟ้าเข็มขึ้นและเพิ่มคอนทราสภายในภาพ
3.หลักง่ายๆในการใส่ฟิวเตอร์
“เมื่อใส่ฟิลเตอร์สีนั้น เมื่อคลื่นแสงผ่านมากก็จะทำให้แสงมีความเข็มมาก ภาพที่ได้ของวัตถุนั้นก็จะ จางลงหรืออ่อนลง”
“และกลับกันเมื่อใส่ฟิลเตอร์กลั้นแสงให้แสงผ่านน้อย แสงก็จะมีสีบางลงภาพที่ได้ของวัตถุนั้นก็จะเข็มขึ้น”
เราจะใช้ฟิลเตอร์อะไรดี,สีไหนดี เราจะต้องเรียนรู้ ความสัมพันธ์ของระบบสีแบบRGBก่อน โดย RGB จะมีความสัมพันธ์สีตรงกันข้ามกัน เช่นสีเหลืองตรงข้ามกับสีน้ำเงิน,สีแดงตรงข้ามกับสีฟ้า,สีแดงอมชมพู่ตรงข้ามกับสีเขียว
ตัวอย่างแบบเข้าใจง่ายเมื่อใส่ฟิลเตอร์แต่ละสี
ภาพเมื่อเป็นขาวดำโทนจะได้ดังนี้
เราใช้ฟิวเตอร์สีแดง > สีแดงในภาพก็จะจางลง > สีฟ้า,เขียว,น้ำเงินตรงข้ามก็จะเข็มขึ้น
เราใช้ฟิลเตอร์สีเขียว > สีเขียวในภาพก็จะจางลง > สีแดงอมชมพู่,แดง,น้ำเงินสีตรงข้ามก็จะเข็มขึ้น
เราใช้ฟิลเตอร์สีน้ำเงิน > สีน้ำเงินในภาพก็จะจางลง > สีเหลือง,เขียว,แดงตรงข้ามก็จะเข็มขึ้น
– สิ่งเรานี้เราก็จะสามารถนำมาปรับโทนในภาพขาวดำของเราให้ตรงใจเราได้ เช่นเวลาเราถ่ายวิวทิวทัศน์ ท้องฟ้าจะเป็นสีฟ้าโทนกลางๆ ส่วนด้านล่างก็จะเป็นต้นไม้พื้นดิน เราก็อาจจะใช้ฟิลเตอร์สีแดง ทำให้ฟ้าเข็มขึ้น ภาพคอนทราสขึ้น ภาพก็จะดูน่าสนใจขึ้นมา เป็นต้น
4.ตัวอย่างภาพโทนที่ได้เมื่อใส่ฟิลเตอร์ต่างๆ
5.การใช้ฟิลเตอร์ปรับโทนในกล้องดิจิตอล
ในการถ่ายภาพขาวดำด้วยกล้องดิจิดอลเราก็สามารถนำหลักพื้นฐานเดียวกันในการใส่ฟิลเตอร์สีมาใช้ในภาพขาวดำเราได้ โดยเราอาจจะถ่ายภาพเป็นโหมดขาวดำแล้วใส่ฟิลเตอร์ หรือถ่ายเป็นโหมดสีปรกติแล้วมาแปลงเป็นขาวดำ แล้วใช้โปรแกรมเพื่อเลียนแบบเหมือนใส่ฟิลเตอร์ในโปรแกรมตกแต่งภาพ
เมื่อเราเข้าใจความสัมพันธ์ของสีเราก็จะสามารถสร้างสรรค์ภาพขาวดำให้โทนตรงใจเราได้ง่ายและเราสามารถเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงได้เลย ซึ่งสะดวกและเรียกรู้การใช้งานได้ง่ายขึ้น แม้การใช้ ฟิลเตอร์อาจจะให้ผลที่ดูดีกว่าในภาพบางลักษณะ และสิ่งสำคัญเราต้องเข้าใจก่อนว่าโทนแบบไหนจะเป็นภาพออกมาเมื่อเป็นขาวดำ และวัดแสงให้แม่นเพราะแต่ละช่วงสีก็มีโทนระดับแตกต่างกันอีก
หรือเราสามารถใช้โปรแกรมตกแต่งภาพปรับโทนแทนการใส่ฟิลเตอร์สีก็ได้ ซึ่งสะดวกและง่ายในการมองเห็น ซึ่งมีหลายแบบ โดยเฉพาะPSที่ปรับได้ละเอียด แต่ที่แนะนำคือการใช้คำสั่งChannel Mixer เนื่องจากง่ายในการปรับแต่ง และไม่ยุ่งยากในการทำความเข้าใจสำหรับคนต้องการเรียกรู้
5.การใช้Channel MixerในPSเพื่อปรับแต่งโทนเลียนแบบเหมือนใส่ฟิลเตอร์
เราต้องเข้าใจก่อนว่าในการแปลงภาพสีให้เป็นขาวดำด้วยโปรแกรมPS ส่วนมากแล้วจะกำหนดค่าสว่างของช่องสีทั้ง3คือ สีแดง สีเขียว สีนำเงิน โดยใช้ สีแดง 30% สีเขียว60% สีน้ำเงิน10% ซึ่งก็จะได้ภาพขาวดำตามตรงการซึ่งอาจจะไม่ตรงใจเรา นัก
การใช้คำสั่ง Channel Mixer ก็เหมือนกับการใช้ฟิลเตอร์สีในการถ่ายภาพ พื้นฐานเดียวกัน จำไว้ว่าสีใน RGB มีความสัมพันธ์ตรงข้ามกัน ทำให้เกิดโทนอ่อน-เข็มในภาพ
การใช้Channel Mixer มีหลักง่ายๆอยู่ว่า การกำหนดค่าแต่ละchannel ทั้งRGB เมื่อจะบวกหรือลบ จะต้องรวมกันเป็น100% พอดี ถ้ามากอาจจะทำให้แสงในchannel โอเวอร์ได้
ภาพหน้าต่าง Channel MixerในPS
วิธีการใช้โหมด Channel Mixer
1. ขั้นแรกเลือกภาพสีที่ต้องการ ไปที่เมนูคำสั่ง Image > Adjustments > Channel Mixer แล้วคลิก 1ครั้ง จะมีหน้าต่าง Channel Mixer ออกมา
2.คลิกถูกในช่องMonochrome
3.ในส่วนของ Output Chanel จะเป็นGray
4.ส่วนred,Green,Blue ก็ปรับใส่Chanel แต่ละส่วนว่าจะใส่กี่% ด้วยการเลื่อนสไลด์ตามต้องการหรือใส่ค่าตัวเลขไปเลยก็ได้
5. เมื่อได้ปรับตรงใจก็กดOKก็จะได้ภาพขาวดำที่เราต้องการที่ปรับโทนเหมือนใส่ฟิลเตอร์แล้ว
ตัวอย่างการปรับค่า โหมด Channel Mixer แบบต่างๆ
-จากภาพด้านบนเมื่อเราใส่ค่า%แต่ละช่วงสีเป็น 100%เหมือนใส่ฟิลเตอร์ปรับโทน จะได้ผลที่แตกต่างกัน สีเดียวกับค่าที่ใส่จะจางลงแต่สีตรงข้ามจะเข็มขึ้น เช่น
“ใส่สีแดง100%ก็ทำให้สีตรงข้ามคือสีน้ำเงินหรือฟ้าเข็มขึ้น ส่วนผสมสีเหลืองก็จะจางลงหรืออ่อนลง(เพราะสีแดง+เขียว) และเช่นกันเมื่อใส่สีน้ำเงิน 100% ก็ทำให้สีตรงข้ามเข็มขึ้นคือสีเหลือง ส่วนสีน้ำเงินก็จะจางหรืออ่อนลง
6.หมายเหตุ
6.1วิธีที่เราจะเข้าตรงนี้ได้ในการกำหนด%แต่ละส่วน เราต้องดูองค์ประกอบของภาพที่เราถ่ายมาว่าแบบไหน เช่นถ้าถ่ายภาพคนก็ควรเน้นแดงและเขียวให้มากๆ หรือถ้าถ่ายพวกใบหญ้าสีเขียวก็เน้น%สีเขียวให้มากขึ้น และเข้าใจหลักสีตรงข้ามเท่านี้เราก็จะสามารถปรับโทนขาวดำได้ตามตรงการ ลองเอาไปปรับแต่งดูครับ
6.2 สมัยนี่เราสามารถที่จะปรับเปลี่ยนโทนได้ง่ายขึ้น ในโปรแกรมแต่งภาพเช่น PS หรือ LR ซึ่งจะมีโหลดภาพขาวดำขึ้นมา ถ้าเราเข้าใจจากบทความข้างบนเราก็จะสามารถที่จะปรับแต่งได้ง่ายขึ้น เพราะเราจะเห็นภาพเลย ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้น่ะครับ
ภาพ-บทความ : ช้างอิมเมท