เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว พวกเราหาที่ท่องเที่ยว เพื่อจะไปสัมผัสหนาวและเดินป่าระยะสั้น 2วัน1คืน “ดอยม่อนจอง” คือจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้
พวกเราต้องเดินเท้ากันด้วยระยะทาง 6กิโลเมตร กับบรรยากาศทุ่งหญ้าปกคลุม สีทองหรือเขียวตามฤดูกาล ช่วงที่เราไปคือทุ่งหญ้าสีทอง ประมาณปลายตุลาคม
วันเวลามาถึง ณ.จุดนัดพบ เมื่อสมาชิกมาพร้อม พวกเราก็จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆขึ้นรถตู้ อุปกรณ์ทำอาหาร ผมได้เตรียมไว้บางส่วนแล้ว ส่วนอาหารสดผมจะแวะซื้อที่ อำเภอ ฮอต เพราะสะดวกกว่า และพักรถตู้ไปในตัว เราเอาเดินทาง1ทุ่มเพื่อจะให้ไปถึง อ.ฮอตประมาณตี4ครึ่ง
“ขนาดบนรถตู้ยังหนาว บนดอยต้องหนาวแน่นอน” ผมคิดในใจ
เกือบตี5พวกเราก็มาถึง อ.ฮอต ผมแวะซื้อ อาหารสดพวกเนื้อหมู และเตรียมอาหารเที่ยงพวกไก่ย่าง ข้าวเหนียว หรือเราอาจจะไปสั่งที่ร้าน ในอ. อมก๋อยที่เราจะทานอาหารเช้าก็ได้ครับ แล้วแต่ความสะดวก
การเดินทางอันแสนยาวไกล และคดเคี้ยวไปมาตามไหล่เขา ทำให้ผมหลับๆตื่นๆจนมาถึง อ.อมก๋อย แวะรับประทานอาหารเช้า จุดนี้ถือว่าเป็นที่นัดพบสำหรับนักเดินทางเที่ยวม่อนจอง ใครลืมอะไร ก็สามารถมาซื้อของที่ตลาดได้ ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็จะต้องเดินทางกันต่อใช้เวลาเกือบชั่วโมง กว่า คดเคี้ยวไปมา พวกเราก็มาถึง หน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ ที่พวกเรานัดรถกะบะ และลูกหาบไว้ ที่จุดนี้ ก่อนจะมาให้ทุกคน โทรมาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ เรื่องรถและลูกหาบด้วยครับ หรือให้เจ้าหน้าที่เตรียม อาหารเที่ยงตอนเราลงมาจากดอยก็ได้ครับ
จัดเตรียมของขึ้นรถกะบะเรียบร้อยพวก เราก็ออกเดินทาง แล้วแวะรับลูกหาบ ในหมู่บ้าน ต่อจากนี้เราจะต้องเดินทางอีก 16กิโล จะใช้เวลาเดินทางประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ทางจะคดเคี้ยว และขึ้นเนินลงเนินตลอดมา รถก็อาจจะโยกเยกไปมาอาจจะทำให้เราปวดเมื่อยไปบ้าง ต้องจับกะบะให้ดีด้วยน่ะครับ
เมื่อถึงจุดเดินเราก็เอาเสบียงลงและรับประทานอาหารเที่ยงก่อนออกเดิน จากนั้นเราก็ออกเดินทางจุดแรกก็เริ่มขึ้นเนินเล็กๆเลยครับ ช่วงแรกๆเราจะผ่านป่าสน ก่อนจะเข้าทางหุบเขา ป่าดิบบ้าง เดินไปเรื่อย เหนื่อยเราก็หยุดพัก
จนมาถึงจุดพักจุดสำคัญ เนินก้อนหินที่พวกเราลงไปถ่ายรูปและพักเหนื่อยกัน ตรงนี้เราจะพักนานหน่อย ได้เวลาก็เดินกันต่อ จากจุดนี้เราจะเริ่มขึ้นเขาลงเขาอีก2-3ลูกก็จะมาถึงจุดขึ้นเนินสุดท้ายที่นับว่าชันผ่านจุดนี้ไปจะสบายขึ้นหน่อย จากนั้นเราจะต้องเดินเลียบเขาทุ่งหญ้า และบางจุดเราจะมองเห็นยอดหัวสิงห์ได้
จนมาถึงลานสนามกอล์ฟช้าง ก็หมายถึงว่ามาถึงแล้ว จากนั้นเราจะต้องลงเนินเพื่อไปตั้งแค้มป์กันด้านล่างที่มีแหล่งน้ำ และกันลมได้ดี เป็นหุบเขา
เราดูเวลา แค่4โมงเย็น เราก็เลยจะเดินไปยอดหัวสิงห์กันก่อน ส่วนบางคนที่ต้องลงไปตั้งแค้มป์และเตรียมอาหารมื้อเย็นให้พวกเราทานก็แยกย้ายกันตรงนี้
จากนั้นเราก็เดินผ่านทุ่งหญ้า ตามไหล่เขาไปเรื่อยๆ อาจจะแวะถ่ายรูปที่มีฉากหัวสิงห์เป็นเบื้องหลังบ้าง หรือมองเห็นวิวด้านล่าง ไม่ถึงชั่วโมงพวกเราก็มาถึง หัวสิงห์ ก็ได้ ถ่ายรูปกับป้ายเป็นที่ระลึกว่าเราได้เดินทางกันมา ณ.จุดนี้เป็นที่เรียบร้อย
ในหุบเขาเล็กๆขวามือ จะเห็นต้นกุหลาบพันปี แต่ที่เรามายังไม่บาน ถ้าบานจะสวยแน่นอนครับ เราใช้เวลาไม่นานก็รีบเดินทางกลับ
เมื่อเราถึงจุดตั้งเต็นท์ เพื่อนผมก็จัดเตรียมอาหารบางอย่างใกล้เสร็จ เราก็เข้าไปช่วยกัน บางคนที่ว่างก็อาจจะหาเวลาพัก หรืออาบน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว อากาศตอนนี้เริ่มเย็น
ประมาณเกือบ1ทุ่ม เราก็ ล้อมวงกินข้าวกันที่ฟลายชีทส่วนกลาง มื้อนี้ที่แสนอร่อย อาจจะเพราะเหนื่อย หรือหิวไม่อาจจะรู้ได้ จากนั้นก็ได้เวลาสังสรรค์ สำหรับคอชอบดื่มก็ได้เวลา ส่วนคอเล่าก็ได้เวลาคุยเช่นกัน ส่วนกลุ่มสาวๆที่มาด้วยก็จะขอตัวไปนอนกัน แต่ผมเชื่อว่าบางคนก็อาจจะนอนไม่หลับได้ฟังเสียงเราคุยเป็นเพือนแก้เหงาและอาจจะเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่อาจจะรู้ได้
จริงๆวันนี้เรานัดกันว่าจะเดินไปถ่ายดาวกันข้างบน แต่เมื่อดูฟ้าแล้ว มีสายหมอก คงจะไม่เห็น เลยล้มเลิกจะเดินขึ้นไป พวกเราก็พูดคุย กันตามประสา คนเดินป่า จนเกือบ5ทุ่มก็ได้เวลานอนพักผ่อนกัน พรุ่งนี้เราจะตื่นเช้าไปชมแสงยามเช้า และสายหมอกกัน
วันที่เราไปอากาศหนาว ผมก็หลับๆตื่นๆ ตลอดคืน ถุงนอนและเสื้อกันหนาว ผมหยิบเทเมอร์มิเตอร์เล็กมาดู เวลาผมเดินทางมาเที่ยวที่หนาว ผมจะเอาติดตัวมาด้วยทุกครั้ง เวลานี้ 2องศา ถึงว่าแต่ก็พยายามข่มตัวนอนก็หลับไปอีกรอบ
เกือบตี 5 ผมก็ตื่น และได้ยินเสียงเต็นท์ข้างๆที่รูดซิปเต็นท์ เป็นเสียงเอกลักษณ์เวลาเข้าป่า เช้าๆเป็นเหมือนนาฬิกาปลุกชั้นดีของการเดินทางแนวนี้
อากาศตอนนี้หนาวมาก ผมต้องใส่เสื้อกันหนาวและเสื้อหลายชั้น เมื่อเราพร้อมก็ออกเดินขึ้นเนิน เมื่ออกมาถึงจุดลานโล่ง ก็รอจังหวะพระอาทิตย์ขึ้น สายหมอกไหลรินเต็มไปหมดจนเกือบมองไม่เห็นทาง จริงๆเราสามารถที่จะเดินไปถึงหัวสิงห์อีกครั้งแต่ผมว่าเดินไกลไป และมุมดีๆเราสามารถหาได้อยู่แล้ว เลยไม่จำเป็น ก็
วันนี้พระอาทิตย์มาให้เราชม จริงๆเวลาเราเที่ยวภู การที่ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น ก็ถือว่าเป็นโชคด้วยน่ะครับ ส่วนมากบางที่เราจะเห็นหมอกฟุ้งกระจาย แต่วันนี้พวกเราโชคดี เมื่อพระอาทิตย์เริ่มสาดแสงสีทองลับขอบฟ้าให้เราได้มองเห็น ตัดกับทุ่งหญ้าสีทอง เป็นจังหวะของธรรมชาติที่สร้างสรรค์สำหรับคนชอบเดินทางแนวนี้ พวกเราก็ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
ผมไม่ลืมที่จะพกที่ทำกาแฟสดมาด้วย จัดแจงชงกาแฟส่งให้เพื่อนๆ กลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟ กับลมหนาวและสายหมอก และวิวพระอาทิตย์สาดแสงสีทอง ช่างเป็นบรรยากาศที่สุดแสนประทับใจมากยิ่งนัก จากนั้นพวกเราก็เดินลงกลับไปทานข้าวเช้าและเตรียมตัวเดินทางกลับ แต่เชื่อว่าใครๆก็อยากจะร้องขอว่าอยากนอนอีกคืน
ทุกสรรพสิ่งเริ่มจากจุดเริ่มต้นและไปจบที่จุดหมายปลายทาง ก็เช่นกันการเที่ยว ดอยม่อนจอง ของพวกเราก็ได้ผ่านพ้นไป พวกเราได้สัมผัสอากาศหนาว ได้เจอรอยยิ้ม ได้ช่วยเหลือตามแบบมิตรภาพ ได้ไปปิดสัมผัสโลกภายนอก แม้จะแค่2วัน1คืน มันก็เหมือนการรีบูตของชีวิต เป็นการเพิ่มพลังกายของพวกเรา พวกเราสัญญากันว่า จะกลับมาอีกครั้ง ดอยม่อนจอง …พวกเราให้สัญญา
ภาพ/ บทความ : ช้างอิมเมท ก.ค 63